4.09.2010

"กลรักในเกมลวง"




แซนดร้า บราวน์ (เขียน).  อรทัย พันธพงศ์ และ พิธทพร (แปล).  กลรักในเกมลวง (Exclusive).  กรุงเทพฯ : แพรวสำนักพิมพ์, 2553.

บ้าบอคอแตกไปใหญ่แล้วชีวิตนี้ งานก็เร่ง เครียดก็เครียด แทนที่จะเอาเวลาอันมีค่ามาเคลียร์งานให้เสร็จ ดันมานอนอ่านนิยายประโลมโลกแบบรวดเดียวจบแปดชั่วโมง ซะงั้น... เลยต้องนอนดึก ตื่นไม่ไหว ไปทำงานสายอีก ซะงั้น  แล้วไอ้นิยาย “กลรักในเกมลวง” มันมีดีตรงไหน ทำไมถึงสามารถทำให้ผู้หญิงดีๆ คนหนึ่ง (อย่างดิฉันเนี่ย) เสียสุนัขไปได้ขนาดนั้น  คำตอบจากใจจริงคือ ไม่มีอะไรดีเป็นพิเศษหรอก แต่อยากรู้ตอนจบ เท่านั้นแหละ

นิสัยอย่างหนึ่งหลังจากที่อ่านนิยายจบคือ ชอบคิดว่าหากมีใครนำนิยายเรื่องนั้นมาแปลงเป็นภาพยนตร์ ดาราคนไหนจะรับบทตัวละครในนิยายนั้นบ้าง  หากเป็นนิยายไทย ก็จะคิดออกมาในรูปแบบละครทีวีมากกว่าภาพยนตร์  หรือบางทีดูภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ก็จะคิดว่าถ้าเป็นของไทย ดาราคนไหนจะมาเล่นบทเหล่านี้ เรื่องที่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเลย คือ The Matrix คิดไม่ออกจริงๆ ว่าถ้ามันเป็นเวอร์ชั่นไทย ใครจะเนียนได้เท่า Keanu Reeves

คราวนี้เช่นกัน ที่ดิฉันใช้เวลาช่วงข่มตาให้หลับคิดว่าดาราฮอลลีวู้ดคนไหนที่เหมาะจะมาเล่น คิดอยู่สองคืนได้ ถึงได้คำตอบในใจเองว่า ถ้านิยาย “กลรักในเกมลวง” เล่มนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้ดัดแปลงบทหรือเนื้อหาอะไรมากนัก มันจะกลายเป็นหนังแอ๊กชั่น หรือหนังสืบสวนที่ไม่มีแก่นสารอะไร อย่าง Triple X หรืออาจจะกลายเป็นหนังชวนหัวอย่างเรื่อง Dick เลยด้วยซ้ำ  เพราะตัวเอกในเรื่องเป็นนักข่าวสาวที่เปิ่นแบบ Bridget Jones แต่ต้องมาสืบข่าวอาชญากรรมของคนระดับโลกอย่างประธานาธิบดีสหรัฐ  แล้วถ้าหนังมันออกมาเป็นแบบนี้จริง ดาราชายเจ๋งๆ คนไหนจะยอมมาเล่นให้ดูเป็นตัวตลก  ขอเล่าเรื่องนิดหน่อยแล้วกันค่ะ จะได้เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมดิฉันถึงคิดอย่างนั้น

เรื่องมีอยู่ว่า ประธานาธิบดีหนุ่มสุดหล่อและภรรยาแสนสวยเพิ่งเสียลูกชายทารกวัย 3 เดือนด้วยโรคซิดส์หรือโรคไหลตายในเด็ก และคุณนายภรรยาก็สุดจะเศร้า ชีวิตดับวูบ อารมณ์อ่อนไหว แปรปรวน จนมีอยู่วันหนึ่ง คุณนายเรียกนักข่าวสาวชื่อ แบร์รี่ไปพบ และบอกกับนักข่าวว่า ทารกน้อยของเธอถูกฆาตรกรรม  แบรร์รี่เลยมุ่งมั่นจะสืบเรื่องราวทั้งหมดมาเป็นข่าวให้ได้ เพราะนี่คือโอกาสที่จะสร้างให้ตัวเองเป็นนักข่าวอันดับหนึ่ง  เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ คนหลักๆ ที่จะเข้ามาในวงจรการสืบข่าวครั้งนี้ คือ
-          แบรร์รี่ นักข่าวสาวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงในการทำข่าวมั่วซั่ว เว่อร์ จนกลายเป็นตัวตลกในวงการ
-          เดวิด ท่านประธานาธิบดีหนุ่มสุดหล่อ เท่ห์ ฉลาด ได้เกิดมารวยเพียบพร้อม แต่สู้ชีวิตจนได้ดีเพราะเมียและพ่อตาที่เป็นนักการเมืองอยู่ก่อนแล้ว
-          วาเนซซ่า ภรรยาประธานาธิบดี สตรีหมายเลขหนึ่งสุดสวยแสนหวาน แต่ลับหลังเป็นพวกมีปัญหาทางจิตอารมณ์แปรปรวน อ่อนไหวง่าย ชอบดื่มเหล้า ต้องพึ่งยากล่อมประสาท
-          คลีต พ่อตาประธานาธิบดี เป็นนักการเมืองมาตลอดชีวิต มีอิทธิพลเยอะมาก เล่ห์เหลี่ยมเพียบ
-          สเปนเซอร์ บอดี้การ์ดลึกลับที่อยู่เคียงข้างประธานาธิบดีเสมอ คอยให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง และจัดการเรื่องต่างๆ ที่ประธานาธิบดีไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
-          บอนดูแรนท์ อดีตบอดี้การ์ดอีกคนของประธานาธิบดี เป็นเพื่อนสนิทของสเปนเซอร์ แต่ตอนหลังผิดใจกัน ด้วยประธานาธิบดีนึกว่าไปเป็นชู้กับวาเนซซ่า และด้วยเรื่องผิดศีลธรรมอื่นๆ ของประธานาธิบดีและสเปนเซอร์ เลยลาออกไปอยู่คนเดียวในป่าในเขา
-          หมอแฟรงค์ ทาสรับใช้ประธานาธิบดี รักษาอาการอารมณ์แปรปรวนของวาเนซซ่าตามคำสั่ง
-          เพื่อนรักรุ่นแก่ของแบร์รี่ เป็นโรคมะเร็งปอดขั้นสุดท้าย ต้องหายใจด้วยถังอ๊อกซิเจนตลอด เป็นเหมือน mentor ของแบร์รี่

พอเริ่มสืบหาข้อเท็จจริง แบร์รี่พยายามเข้าหาสตรีหมายเลขหนึ่ง แต่ประธานาธิบดีกันเอาไว้ วาเนซซ่าเอาแต่กินเหล้าและเครียดจนเหมือนคนบ้า ประธานาธิบดีไม่รู้จะจัดการอย่างไร ทั้งแบร์รี่และพ่อตาก็จุ้นจ้านเหลือเกิน จนสุดท้ายต้องให้หมอแฟรงค์พาไปอยู่ในที่ๆ ไม่มีใครเข้าได้ถึงนอกจากหมอและพยาบาลอีกคนหนึ่ง  แบร์รี่จึงไปหาข้อมูลจากบอนดูแรนท์ จนเลยเถิดเกิดเรื่องใคร่เรื่องสวาท พอยิ่งรู้ข้อมูลมาก แบร์รี่ก็ยิ่งไม่ปลอดภัย หนีไปอยู่กับเพื่อนแก่ที่เป็นโรคมะเร็งปอด บอนดูแรนท์ตามเข้าเมืองมาช่วยสืบด้วยอีกคน เลยกลายเป็นสามเกลอวุ่นวาย สู้กับสเปนเซอร์กันไป วางแผนหลอกคนนั้น แอบนัดกับคนนี้ ส่งสัญญาณให้คนนู้น แต่ละแผนก็เลอะเทอะเหลือเกิน จนไม่อยากคิดว่าคนอย่างบอนดูแรนท์ (ที่ในนิยายบอกว่าฉลาดสุดยอด) จะคิดได้

ระหว่างการล้วงข้อมูล ความลับค่อยๆ เปิดเผยไปทีละเรื่อง เป็นเรื่องความชั่วร้ายของประธานาธิบดีในอดีต เบื้องหลังของสเปนเซอร์ เรื่องแย่ๆ ของพ่อตา เรื่องของหมอ หรือแม้แต่ความลับของวาเนซซ่า ซึ่งมันพัวพันอินุงตุงนังจนไม่รู้จะเล่าอย่างไร  และนี่น่าจะเป็นจุดแข็งจุดเดียวของเรื่อง คือมีความลับมากมายที่ล้วนนำพาให้คนเหล่านี้ต้องมาพัวพันกัน  กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวสุดๆ  แต่ก็อย่างว่า นิยายสืบสวนสอบสวนจะมีอะไรไปมากกว่านี้  (ถ้าไม่นับ Silence of the Lambs นะคะ) ตอนสุดท้าย เจ้าสามเกลอกเอาตัววาเนซซ่าออกมาจากโรงพยาบาลเขตหวงห้ามนั้นได้ เอาไปส่งให้พ่อตา เรื่องทั้งหมดทั้งปวงจึงได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะ ผู้ผิดต้องรับกรรม แบร์รี่กลายเป็นนักข่าวใหญ่ ชื่อเสียงขจร บอนดูแรนท์ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ในเมืองเพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ กับแบร์รี่ จบ!

จากเนื้อเรื่องเหล่านี้ คุณคิดว่าดาราฮอลลีวู้ดชายคนไหนจะยอมมาเล่นบทบอนดูแรนท์ล่ะ พระเอกสุดเท่ห์ ฉลาด เป็นทหารหาญเก่า แต่ต้องมาคอยดูแลยัยนักข่าวจอมเบ๊อะ ซึ่งยัยคนนี้ก็คอยแต่จะหาเรื่องงี่เง่ามาอยู่เรื่อย (นึกถึง Bridget Jones เข้าไว้) แต่ถ้าอยากปรับให้นิยายนี้กลายเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวน แอ๊กชั่น ดราม่าดีๆ ต้องเปลี่ยนให้ยัยนักข่าวกลายไปเป็นบทรองๆ ไปเน้นความฉลาดและการต่อกรกันระหว่างบอนดูแรนท์กับสเปนเซอร์ ความบ้าของสตรีหมายเลขหนึ่ง และการใช้เล่ห์เหลี่ยมระหว่างประธานาธิบดีและพ่อตา เพราะเหตุการณ์การพัวพันที่ผู้เขียนสร้างขึ้นถือว่าดีอยู่แล้ว (ดีจนต้องอ่านรวดเดียวจบ และทำงานไม่เสร็จตามที่ตั้งใจไว้นั่นแหละ) และถ้าเรื่องออกมาเป็นอย่างนี้ จะมีดาราเจ๋งๆ ยอมมาเล่นเลย

อย่างท่านประธานาธิบดีอาจจะเป็น Brad Pitt (ทั้งๆ ที่ในหัวคิดถึงแต่ Ben Affleck เพราะติดภาพนักการเมืองภาพลักษณ์ดีเบื้องหลังเลวจากเรื่อง State of Play ไปเสียแล้ว) บอนดูแรนท์อาจจะเป็น Christian Bale สเปนเซอร์เป็น Mark  Wahlberg ส่วนสตรีหมายเลขหนึ่ง อยากให้ Reese Witherspoon มาเล่นมาก อยากเห็นเธอแสดงเป็นหญิงสาวไฮคลาสสติแตก เป็นพวกมีสองบุคคลิกมากๆ ที่สำคัญตามบทแล้ว วาเนซซ่าจะต้องเป็นสาวใต้ ซึ่งเหมาะเหลือเกิน  ถ้า Reese ไม่ยอมมาเล่นจริงๆ ขอเป็น Julia Stiles ก็ยังดี  ส่วนตัวละครแบร์รี่ ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็น Rachel McAdams หรือ Kirsten Dunst หรือ Julia Stiles แต่ดาราเหล่านี้ดีเกินไปถ้าจะให้บทนี้เป็นบทรองๆ  เอาเป็นว่าถ้าได้ cast นี้มาเล่นจริงๆ นะ หนังเรื่องนี้คงมีต้นทุนสูงลิบ เพราะแค่ค่าตัวดาราอย่างเดียวคงกระฉูดแล้ว

ถ้ามีเวลาว่างเยอะก็อ่านกันได้นะคะ ถือว่าเป็นการพักผ่อน แต่ถ้าขี้เกียจอ่าน บอกให้ก็ได้ ว่าสุดท้ายไม่มีใครรู้หรอกว่าใครฆ่าทารกน้อย แต่ประธานาธิบดีเคยมีประวัติฆ่าเด็กทารกมาก่อน และเด็กทารกคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกของประธานาธิบดี แต่เป็นลูกของสเปนเซอร์ คนที่วางแผนทั้งหมดคือสตรีหมายเลขหนึ่ง