11.17.2009

"Inside ผู้หญิง"





ได้หนังสือเล่มนี้จากงานมหกรรมหนังสือฯ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี่เองค่ะ แต่ว่าเห็นโฆษณามาสักพักหนึ่งแล้ว ได้ทีก็เลยรีบซื้อ

"Inside ผู้หญิง" โดย พ.ญ.ชัญวลี ศรีสุขโข จากสำนักพิมพ์มติชน หนังสือเล่มไม่เล็กไม่ใหญ่ มีเรื่องทั้งน่ารัก น่ากลัว น่าขนลุก เกี่ยวกับสุขภาพระบบสืบพันธุ์ของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผู้หญิง แต่พอมาเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศสัมพันธ์และชีวิตคู่ มันก็ต้องมีเรื่องของผู้ชายรวมอยู่ด้วยแน่นอน

ที่ตัดสินใจเลือกเล่มนี้ เพราะคำโปรยหน้าปก ที่บอกว่า "วิธีดูแล ป้องกัน... เพื่อรับมือกับโรคทางสูติ-นรีเวช เรื่องสำคัญใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม" ก็เลยเหมาคิดไปเองว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับการดูแลตัวเราเพื่อไม่ให้เกิดโรคต่างๆ ที่ผู้หญิงกลัว เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังใข่ เชื้อรในช่องคลอด หรือแม้กระทั่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  แต่พออ่านเข้าจริงๆ มีเรื่องอื่นๆ มากกว่าที่คิดเยอะค่ะ ถ้าให้พูดรวมๆ ก็คือมีตั้งแต่เรื่องที่สาวๆ วัยรุ่นน่าจะเจอ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไข้ทับระดู เป็นต้น พอมาถึงวัยงามหรือวัยแต่งงาน ก็จะเป็นเรื่อง อย่างการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน การบำรุงครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ การเลือกเพศของลูก การคลอด เป็นต้น และวัยกลางคนถึงวัยทอง ก็จะมีเรื่องอย่างการถอดหมัน การตั้งครรภ์ตอนอายุเยอะ การตัดมดลูก ปัญหาเกี่ยวกับมดลูก  พูดง่ายๆ ก็คือ ครอบคลุมชีวิตผู้หญิงได้ตั้งแต่เด็กจนแก่เลยค่ะ

ตอนที่เริ่มอ่าน ดิฉันเลือกหัวข้อที่อยากรู้ก่อน คือ การเลือกเพศลูกแบบธรรมชาติ การคลอดตามฤกษ์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน เพราะยังไม่ได้แต่งงานเลย ไม่มีแฟนด้วย เลยไม่ได้คิดเรื่องมีลูก แต่หัวข้อเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยากรู้มานาน เป็นไปได้จริงหรือที่เราจะเลือกเพศลูกได้ และอยาก confirm พวก myth ต่างๆ ที่เคยได้ยินได้รู้มาบ้าง เช่น หากอยากได้ลูกชายต้องทำตอนเช้า อยากได้ลูกสาวต้องทำท่านี้ อะไรอย่างนี้ เป็นต้น  สำหรับหนังสือเล่มนี้ ถือว่าให้รายละเอียดที่ดีมากค่ะ ไม่รู้สึกว่าเป็น myth แต่เป็นสิ่งที่อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป และได้รับคำตอบกับตัวเองแล้วว่า การเลือกเพศของลูกเป็นไปได้ และมีวิธีมากมายที่ทำได้โดยไม่ต้องฝืนธรรมชาติด้วย  อ่านช่วงนี้แล้วรู้สึกอยากแต่งงานมีลูกเลยค่ะ

หลังจากนั้น จึงกลับมาอ่านตามเนื้อหาจริงๆ ของหนังสือ ตอนที่อ่านเรื่องวัยรุ่นทั่วไปก็ยังรู้สึกโอเคนะคะ มีเรื่องน่ารู้เยอะ และเรื่องใหม่ๆ ที่ไม่น่าจะมาเจอในหนังสือเกี่ยวกับเรื่องภายในสตรีก็ยังมี เช่น โรคทางพันธุกรรมกลุ่มเทอร์เนอร์ซินโดรม คุณหมอผู้เขียนยังแถมวิธีการเลี้ยงดูลูกที่มีอาการกลุ่มนี้ให้ด้วยค่ะ

พออ่านมาถึงช่วงวัยพ่อแม่ วัยทอง กลับรู้สึกว่าไม่อยากมีลูกแล้ว  อาจจะไม่ถึงกับไม่อยากหรอกค่ะ แต่คิดว่าถ้าไม่พร้อมอย่ามีเลย  การมีลูกไม่ใช่เรื่องที่จะคิดเปลี่ยนใจกันง่ายๆ ไม่ใช่ว่า อยากมี แต่พอมีกลับเปลี่ยนใจ หรือไม่อยากได้เพศนี้ละ หรือกลัวลูกพิการ เอาออกดีกว่า คุณหมอผู้เขียนบอกว่ามีเคสแบบนี้เยอะเสียด้วยสิ  และยังมีพวกที่ทำหมันไปแล้ว และเปลี่ยนใจอยากมีลูกอีก เพราะแต่งงานใหม่ เลยจะถอดหมัน คุณหมอบอกว่าแบบนี้ก็มีเยอะค่ะ

ดิฉันไม่อยากจะเอาเรื่องทางศีลธรรมอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องตรงจุดนี้ และคุณหมอผู้เขียนก็ดูเหมือนจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่เอาประเด็นนี้มาตัดสินคนไข้ของเธอเอง แต่การทำแท้งด้วยวิธีต่างๆ ไม่ได้เป็นผลดีใดๆ ต่อร่างกายของผู้หญิงเลย ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง กลายเป็นคนมีลูกยาก คนที่มดลูกไม่แข็งแรง ครรภ์เป็นพิษหากมีลูกอีก หรืออะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด อย่างไรเสีย ควรจะคิดให้ดีก่อนนะคะ ก่อนที่จะเสียใจภายหลัง

ความจริงแล้วประเด็นเรื่องการทำแท้งมีการถกเถียงกันมานานเหลือเกิน  โดยส่วนตัว ดิฉันไม่ได้เห็นด้วยกับการทำแท้ง 100% แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านไปเสียทีเดียว  ดิฉันมองว่ามันเป็นทางเลือกที่จะรักษาชีวิตของใครคนหนึ่งเอาไว้ หากผู้หญิงคนหนึ่งต้องการเอาลูกออกเพราะพบว่าลูกจะพิการ หรือมีโรคร้ายแรง หรือเพราะมีปัญหาในครอบครัว เรื่องเงิน เรื่องทองกระทันหัน และไม่อยากให้ลูกต้องเกิดมาพบแต่ปัญหา อันนี้ดิฉันคิดว่าไม่ผิดนะคะ  แต่ที่รบกวนใจมากคือ หากผู้หญิงมองแค่ว่ามันเป็นการแก้ปัญหาจากความไม่รับผิดชอบในการใช้ชีวิตของตนเอง เช่น มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน รักสนุก ดิฉันยอมรับไม่ได้ค่ะ ดิฉันไม่ต้องการให้คนทั่วไป โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น คิดว่าทำอะไรก็ทำไปเถอะ เกิดอะไรขึ้นก็ไปเอาออกก็ได้ ดิฉันไม่อยากให้ทุกคนมองว่าวิธีนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในสังคมทั่วไป ไม่อยากให้คนมองว่า ไม่เห็นเป็นไร เรื่องธรรมดา  ดิฉันเชื่อว่า การป้องกันที่แท้จริงคือ การให้ความรู้และการสร้างค่านิยมที่ดี  ดังนั้นจะทำอะไร คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ นะคะ คิดถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่ของเราให้มาก

นอกจากการเปลี่ยนใจภายหลังแล้ว ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ต้องคิดหนักทีเดียวก่อนจะมีลูก คือ การเลี้ยงดู  ดิฉันเชื่ออย่างยิ่งว่า พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นคนดี มันเป็นสัญชาติญาณ  แต่พ่อแม่หลายคนก็ทำไม่ได้ ด้วยเหตุผลหลากหลายประการ แต่มีเพียงประการเดียวที่ดิฉันรับไม่ได้คือ  พวกที่ใช้อารมณ์ส่วนตัว หรือมีทิฐิมากเกินไป จนเลี้ยงลูกแบบขอไปทีบ้าง เลี้ยงเพราะประชดคนอื่นบ้าง เลี้ยงแบบเพื่อสนองความไร้เหตุผลของตนเองบ้าง สุดท้ายลูกที่เกิดคงเป็นคนดีน้อย ถ้าดีได้ก็เพราะเป็นความใฝ่ดีที่ตนเองมีอยู่  ดิฉันจึงคิดเสมอว่า ถ้าตนเองไม่คิดจะศึกษาหรือพยายามเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ก็อย่ามีลูกเลยเสียดีกว่า

นอกเรื่องมาเสียยาวเลยค่ะ เอาเป็นว่า หนังสือ "Inside ผู้หญิง" นี้เหมาะกับผู้อ่านหลายกลุ่ม ผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ควรอ่านอย่างยิ่งและควรจะเก็บไว้เป็น reference สำหรับตอนแต่งงาน ตั้งครรภ์ คลอดลูก ด้วย  ผู้ชายก็อ่านได้นะคะ เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายเยอะเหมือนกัน ทั้งการมีลูกยาก การดูแลรักษาตนเอง การทำหมันชาย เป็นต้น  อีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะอ่านก็คือ พ่อแม่ที่กำลังมีลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่น และวัยเจริญพันธ์ ต้องหาข้อมูลไว้คุยกับลูกบ้างนะคะ ต้องทันเหตุการณ์

คุณแม่ของดิฉันเองแทบจะไม่เคยสอนเรื่องเพศศึกษาเลย ไม่เคยพูดเลยด้วยซ้ำ พูดแต่ว่า "อย่าไปเชื่อผู้ชายนะลูก ไอ้ที่ชมว่าเราสวยๆ นั้นมันหลอกเอาทั้งนั้น" สิ่งที่แม่เคยทำสิ่งเดียวคือ ซื้อหนังสือเรื่องระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงให้อ่านตอนเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณแม่จับได้ว่าแอบมีแฟน  แต่แม่ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย เวลาถามก็ไม่ค่อยตอบ  แต่เอาเถอะค่ะ เราจะมามัวโทษพ่อโทษแม่อย่างเดียวก็ไม่ถูก พ่อแม่ให้มีอให้เท้าให้ตาให้สมองเรามา ถ้าพ่อแม่ไม่สอน เราก็ต้องหัดเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวเองให้ได้  ดิฉันโชคดีอย่างหนึ่งตรงที่ชอบอ่านหนังสือ และจะไม่ปิดบังพ่อแม่ด้วยว่าอ่านหนังสืออะไรอยู่  และยิ่งที่ทำงานตอนนี้ ทำเรื่องเกี่ยวกับการคุมกำเนิดและเรื่องเพศศึกษา ดิฉันยิ่งเป็นคนพูดเรื่องพวกนี้อย่างเปิดเผยเข้าไปอีก และไม่กลัวที่จะหาความรู้เรื่องพวกนี้จากแหล่งความรู้ต่างๆ เลย  อย่างเล่มนี้ อ่านจบก็เดินไปบอกแม่ตรงๆ เลยว่า "เนี่ย เพิ่งอ่านเล่มนี้จบ ตอนแรกอ่านแล้วอยากมีลูก แต่อ่านจบไม่อยากมีละ" แม่ก็อาจจะมีแอบคิดบ้างว่า เอ.. ลูกเราจะไปมีเพศสัมพันธ์กับใครหรือเปล่าหนอ หรือกำลังคิดจะมีผัวอยู่หรือเปล่าหนอ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ หนังสือเล่มนี้ดีมากค่ะ คุณหมอชัญวลี เขียนหนังสือเก่งจัง  อ่านประวัติแล้วยิ่งเคารพในความสามารถ และความเอื้ออาทรของผู้รู้ที่อยากจะช่วยผู้ไม่รู้  และที่สำคัญ การเขียนของคุณหมอนั้น ให้ความรู้สึกเป็นมิตร เป็นกลาง ไม่ตัดสิน ไม่รู้สึกผิด เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากค่ะ  ดิฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง ไปหาหมอสูติเพราะประจำเดือนไม่หยุด หมอก็ pap smear เลย เพื่อนก็ร้องเพราะเจ็บ หมอดันพูดว่า "เจ็บเหรอ นึกว่าเคยๆ อยู่" จะเคยหรือไม่เคยก็ไม่เกี่ยวนะคะ อย่ามาหยาบคายกับคนไข้  เจอแบบนี้แล้วอยากไปหาหมอวัญชลี  แต่หมอตรวจตั้งที่พิจิตรแน่ะ ไกลเกิน

No comments:

Post a Comment